การดูดไขมัน เป็นนวัตกรรมปั้นหุ่นสวย กระชับสัดส่วน เหมาะสำหรับคนที่อยากมีหุ่นเป๊ะปังแบบเห็นผลไว เพราะช่วยกำจัดไขมันเฉพาะจุดรวมทั้งกำจัดเซลลูไลท์ได้อย่างรวดเร็ว แถมแผลยังเล็กและใช้เวลาฟื้นตัวไม่นานอีกด้วย ใครที่ต้องการให้หุ่นสวยกระชับไม่ควรพลาด มาทำความรู้จักกับการดูดไขมันให้มากขึ้น ว่าสามารถดูดส่วนไหนในร่างกายได้บ้าง ดูดไขมันเจ็บไหม ดูดไขมันข้อเสีย ข้อดีมีอะไรบ้าง และมีวิธีการอย่างไร
การดูดไขมัน คืออะไร
การดูดไขมัน (Liposuction) คือ การดูดไขมันส่วนเกินตามจุดต่างๆ ของร่างกายได้อย่างเจาะจง โดยแพทย์จะทำการใช้เครื่องมือที่มีลักษณะเป็นท่อยาวสอดเข้าไปใต้ผิวหนังเพื่อนำเอาไขมันออกมา ซึ่งปากแผลสำหรับใส่เครื่องมือมีขนาดเล็กเพียง 0.5-1 เซนติเมตรเท่านั้น การดูดไขมันถือเป็นกระบวนการศัลยกรรมอย่างหนึ่งที่ได้รับความนิยม เนื่องจากให้เห็นผลลัพธ์ได้รวดเร็ว แผลเล็ก ฟื้นตัวไว กำจัดไขมันในบริเวณที่ไม่ต้องการได้อย่างตรงจุด แก้ปัญหาไขมันส่วนเกิน ช่วยกระชับผิว ให้สัดส่วนให้ดูดีมากขึ้น
การดูดไขมันเหมาะกับใครบ้าง
ใครๆ ก็อยากมีหุ่นดี ไม่มีไขมันส่วนเกิน จึงทำให้หลายคนอยากใช้วิธีการดูดไขมันเพื่อลดส่วนเกิน ให้หุ่นดูสมส่วนมากขึ้น แต่การดูดไขมันอาจจะไม่ได้เหมาะสมกับทุกคน สำหรับผู้ที่เหมาะกับการดูดไขมัน ได้แก่
- ผู้ที่ไม่ได้มีน้ำหนักเกินมาตรฐานมาก
- ผู้ที่ไม่ได้อ้วนทั้งตัว
- ผู้ที่มีไขมันสะสมเฉพาะที่
- ผู้ที่มีไขมันส่วนเกินสะสมมาก
- ผู้ที่ออกกำลังกายแล้ว แต่ไขมันหรือสัดส่วนไม่ลด
- ผู้ที่ต้องการกระชับสัดส่วน
- ผู้ที่ต้องการเพิ่มความมั่นใจ
- ผู้ที่ผิวหนังยืดหยุ่นได้ดี หลังดูดไขมันผิวจะหย่อนน้อย
- ผู้ที่ไม่มีโรคประจำตัว
การดูดไขมัน ต่างจากการลดความอ้วนหรือไม่
การดูดไขมันไม่เท่ากับการลดความอ้วน หากใครกำลังอยากลดน้ำหนักโดยการดูดไขมันต้องบอกเลยว่าทั้งสองอย่างนี้ไม่เหมือนกัน! เพราะการดูดไขมันจะทำให้น้ำหนักหลังทำลดไปได้ประมาณ 1-5 กิโลเท่านั้น เพราะไขมันนั้นเบามาก ไม่เหมือนกับกล้ามเนื้อที่มีขนาดเล็กกว่าไขมันในปริมาณน้ำหนักที่เท่ากัน เมื่อดูดไขมันแล้วจึงไม่ได้ส่งผลต่อน้ำหนักมากนัก เพียงแต่ช่วยลดสัดส่วน ทำให้รูปร่างดูดีขึ้นได้ ถ้าอยากเพิ่มความเป๊ะให้กับรูปร่างมากขึ้นแล้วล่ะก็ควรออกกำลังกาย เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ หรือทำ IF ควบคู่กันไป เพื่อหุ่นดีที่ยั่งยืน จะได้ไม่มีไขมันกลับมาสะสมเพิ่มในอนาคต
ดูดไขมันบริเวณไหนได้บ้าง
ดูดไขมันสามารถทำได้หลายบริเวณในร่างกายทั่วทั้งตัว มีทั้งการดูดไขมันทั้งตัวหรือเฉพาะจุด ไม่ว่าจะเป็น การดูดไขมันหน้า ดูดไขมันหน้าท้อง ดูดไขมันต้นแขน ดูดไขมันต้นขา หรือบริเวณอื่นๆ มาดูกันว่าการดูดไขมันแต่ละส่วนเป็นอย่างไร
- ดูดไขมันหน้า กรอบหน้า เหนียง เป็นการดูดไขมันเพื่อทำให้ใบหน้าดูเรียวมากยิ่งขึ้น เห็นกรอบหน้าชัดเจน ลดคางสองชั้น ให้ใบหน้าดูสมส่วน และมีมิติมากยิ่งขึ้น
- ดูดไขมันหน้าท้อง เป็นการดูดไขมันสะสมบริเวณหน้าท้อง เมื่อดูดเสร็จจะช่วยแก้ปัญหาผู้ที่มีพุงยื่น พุงย้อย หย่อนคล้อย ทำให้หน้าท้องดูกระชับ เรียบเนียนมากยิ่งขึ้น
- ดูดไขมันต้นแขน การดูดไขมันต้นแขนจะช่วยให้ต้นแขนเล็กลง กระชับมากขึ้น แก้ปัญหาแขนย้อย ห้อยไม่กระชับ
- ดูดไขมันต้นขา เป็นการดูดไขมันที่อาจทำให้เกิดอาการบวมช้ำหลังทำ จึงต้องใช้เวลาสักพักประมาณ 1-6 เดือนจึงจะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลง หลังจากนั้นจะสังเกตุได้ว่าต้นขาเรียวเล็กลง ผิวกระชับมากขึ้น
ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจดูดไขมัน
การดูดไขมันแม้จะช่วยให้สัดส่วนเล็กลง หุ่นดีขึ้น แต่ก็อาจมีความเสี่ยงได้เช่นเดียวกัน ซึ่งความเสี่ยงที่อาจพบก็อย่างเช่น เกิดผิวเป็นคลื่น ผิวไม่เรียบเนียน เกิดก้อนแข็งเป็นไตใต้ผิวหนัง ชาบริเวณแผลผ่าตัด เกิดภาวะแทรกซ้อนเนื่องจากการดูดไขมันออกมามากเกินไป การติดเชื้อ น้ำเหลืองคั่ง เลือดคั่ง เสียเลือด การบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ เส้นประสาท และภาวะลิ่มเลือดอุดตัน
การดูดไขมันมีกี่ประเภท
การดูดไขมันในปัจจุบันมีการพัฒนาเทคโนโลยี และเทคนิคใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพมากมาย ซึ่งมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป ก่อนทำการดูดไขมันจึงควรทำความรู้จักกับประเภทการดูดไขมัน เพื่อทำความเข้าใจให้มากขึ้น
Body - Jet
Body – Jet เครื่องดูดไขมันพลังงานน้ำที่มีความอ่อนโยน นวัตกรรมจากเยอรมนี คุณสมบัติเด่นคือ ทำงานโดยการใช้พลังน้ำเพื่อสลายไขมันส่วนเกิน แยกชั้นไขมันโดยไม่ทำลายเซลล์ไขมัน ไม่ใช้ความร้อน จึงไม่ก่อให้เกิดความร้อนใต้ผิวหนัง
ข้อดี
- อ่อนโยน
- บวมช้ำน้อย
- ผิวไม่ไหม้ เซลล์ไม่ตาย
- สามารถนำไขมันไปเติมได้
- ไม่จำเป็นต้องใช้ยาสลบ
- ปลอดภัย ใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน
ข้อเสีย
- ใช้เวลานานกว่าการดูดไขมันแบบอื่นๆ
- เห็นผลที่ชัดเจนช้ากว่า
Bodytite Pro
Bodytite Pro เป็นนวัตกรรมจากสหรัฐอเมริกา ดูดไขมันด้วยเทคโนโลยี Radio-Frequency Assisted Liposuction (RFAL) หรือคลื่นความถี่วิทยุ มีความโดดเด่นในเรื่องการยกกระชับผิว สัดส่วน พร้อมสลายไขมันในเวลาเดียวกัน เหมาะกับคนที่กังวลเรื่องผิวหย่อน ผิวย้วย ได้อย่างดี รวมไปถึงตำแหน่งที่ยากต่อการสลายไขมัน เช่น นมน้อย ปีกหลัง ต้นขาด้านใน ก้น หัวเข่า
ข้อดี
- เหมาะกับคนที่ต้องสลายไขมัน และยกกระชับผิว สัดส่วน ให้ผิวไม่ห้อยย้อย
- ไม่ทิ้งรอยแผลเป็น
- เข้าถึงตำแหน่งที่ยากต่อการรักษาได้ดี
- เห็นผลลัพธ์ชัดเจน
- ใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน
ข้อเสีย
- ไม่เหมาะกับคนที่มีน้ำหนัก หรือไขมันสะสมเยอะมาก หรือผิวย้วยหนัก
- ใช้พลังงานความร้อน จึงต้องอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลจากแพทย์
Ultra Z
Ultra Z เป็นเครื่องดูดไขมันจากเกาหลี ที่ใช้นวัตกรรมคลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ มีค่าพลังงานที่ต่ำ เหมาะกับคนที่มีไขมันสะสมไม่เยอะ ชั้นไขมันไม่หนา
ข้อดี
- สามารถดูดไขมันได้ทุกบริเวณ
- ใช้เวลาดูดไขมันไม่นาน
- ดูดไขมันได้เยอะ และใช้เวลาไม่นาน
- ไม่ทำลายคอลลาเจนในผิว
- ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน
ข้อเสีย
- ไขมันที่ดูดออกต้องทิ้งอย่างเดียว ไม่สามารถนำไปเติมได้
- อาจเกิดอาการเจ็บช้ำหลังดูดไขมัน
- ใช้เวลาพักฟื้นหลายวัน
Vaser Smooth
Vaser Smooth เครื่องดูดไขมัน คลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ (Ultrasound Assisted Liposuction : UAL) นวัตกรรมจากอเมริกา มีความสามารถในการสลายไขมันได้สูง ซึ่งคลื่นอัลตร้าซาวด์จะทำให้ท่อดูดไขมันจะเกิดการสั่น ท่อไขมันและเซลล์ไขมันจึงเสียดสีกัน จนเกิดเป็นพลังงานความร้อน ไขมันแตกตัวเป็นน้ำมัน และถูกดูดออกมา เหมาะมากกับคนที่มีไขมันเยอะ หรือมีชั้นไขมันหนา สามารถดูดไขมันได้ทุกตำแหน่งบนร่างกาย
ข้อดี
- ดูดไขมันได้จำนวนมากและเร็ว
- เหมาะกับคนที่มีไขมันสะสมหนา
- ใช้เวลาการดูดไขมันน้อย
- ช่วยกำจัดเซลลูไลท์
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน
ข้อเสีย
- ไม่เหมาะกับคนที่มีชั้นไขมันบาง
- ไม่เหมาะกับการดูดไขมันตำแหน่งเล็กๆ
- มีความร้อนสูง อาจทำให้ผิวบาง ในเคสที่มีชั้นไขมันบาง
- มีการบาดเจ็บและบวมช้ำหลังทำ
J - Plasma
J – Plasma นวัตกรรมใหม่จาก USA ช่วยยกกระชับผิวให้เรียบตึง ลดสัดส่วนแต่ไม่ได้สลายไขมันโดยตรง ช่วยกู้ผิวให้กลับมาเต่งตึง ทำงานโดยการนำพลังงานคลื่นความถี่วิทยุ (Radio Frequency : RF) ผสานกับพลังงานก๊าซเฉื่อยที่มีความเย็น (Helium Plasma) เพื่อสร้างความร้อน เหมาะกับผู้ที่ต้องการให้ผิวเฟิร์ม ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยระดับปานกลาง
ข้อดี
- ความร้อนเสถียร ผิวไม่ไหม้
- กระชับผิวได้เกือบทุกส่วนในร่างกาย
- เห็นผลทันที และจะเห็นผลชัดเจนมากขึ้นเมื่อผ่านไป 3-6 เดือน
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน
- ลดอาการข้างเคียงจากการดูดไขมัน ทำให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็ว
- แม่นยำสูง เนื้อเยื่อรอบข้างไม่เกิดความเสียหาย
ข้อเสีย
- ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัวในระดับรุนแรง เช่น หัวใจ เบาหวาน โรคเกี่ยวกับสมอง ไทรอยด์
- ต้องใช้ร่วมกับเทคโนโลยีอื่นๆ ซึ่งอาจส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายสูง
Microaire Pal
Microaire Pal เป็นเทคโนโลยีการดูดไขมันระบบสั่น ใช้พลังงานการสั่นของเข็ม 4,000 รอบ ต่อนาที พร้อมกับการใช้ท่อแรงดูดสูญญากาศ เคลื่อนที่แบบลูกสูบอย่างรวดเร็ว ทำให้ไขมันแตกตัวและถูกดูดออกมาได้ง่าย แม้ในตำแหน่งที่ดูดยาก และไม่จำเป็นต้องใช้แรงเยอะ
ข้อดี
- ดูดไขมันได้เยอะและง่าย
- ใช้เวลาไม่นาน
- เซลล์ไขมันไม่ตาย
- ผิวไม่ไหม้ เพราะไม่เกิดความร้อนสะสม
- เก็บไขมันได้อย่างละเอียด แม้ตำแหน่งที่ดูดยาก
- ใช้ร่วมกับเครื่องดูดไขมันประเภทอื่นๆ ได้
ข้อเสีย
- เครื่องมีเสียงดัง
- ราคาสูง
- เกิดอาการบวมช้ำมาก ใช้เวลาพักฟื้นนาน
- ไม่นิยมใช้เดี่ยวๆ มักใช้ร่วมกับเครื่องดูดไขมันชนิดอื่นๆ
- หากดูดไขมันกับแพทย์ที่ไม่ชำนาญ อาจเกิดปัญหาผิวเป็นคลื่น ผิวไม่เรียบ หรือเสียเลือดมาก
การเตรียมตัวก่อนการดูดไขมัน
การเตรียมตัวที่ดีก่อนการดูดไขมันเป็นขั้นตอนที่สำคัญ เนื่องจากการดูดไขมันอาจเกิดความเสี่ยงตามมาได้ การเตรียมพร้อมที่ดีก็จะช่วยให้การดูดไขมันเป็นไปได้อย่างราบรื่น ปลอดภัย และได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ ซึ่งการเตรียมตัวก่อนดูดไขมันสามารถทำได้ ดังนี้
- แจ้งข้อมูลสุขภาพอย่างละเอียด เช่น โรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา ปัญหาสุขภาพฟัน ประวัติผ่าตัด
- แจ้งแพทย์ถึงยาที่รับประทานประจำ
- ปรึกษา พูดคุยถึงเป้าหมาย และผลลัพธ์ที่ต้องการกับแพทย์
- หากมีภาวะเสี่ยงและโรคประจำตัว จะต้องทำการ
- ตรวจเลือด
- การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG)
- เอกซเรย์
- ปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง
- งดสูบบุหรี่ อย่างน้อย 6 สัปดาห์
- งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
- งดยาสมุนไพร อาหารเสริม
- งดยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด หรือยาลดการอักเสบ (NSAIDs) อย่างน้อย 2 สัปดาห์
- ไม่ควรทาเล็บ
- งดน้ำ งดอาหาร กรณีที่ต้องดมยาสลบ
- หลีกเลี่ยงการดูดไขมันในช่วงที่มีประจำเดือน
- สวมเสื้อผ้าที่หลวม ไม่รัดแน่น
- อาบน้ำ สระผมให้สะอาด
ขั้นตอนการดูดไขมัน
การดูดไขมันเป็นการศัลกรรมผ่าตัดเพื่อความงาม ซึ่งอาจทำให้ผู้รับบริการเกิดความเจ็บขณะทำ จึงมีการใช้ยายาหรือยาสลบเพื่อช่วยลดความเจ็บปวด โดยขั้นตอนการดูดไขมัน มีดังนี้
- งดน้ำ งดอาหาร อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง
- แพทย์ทำการประเมินและวางแผนบริเวณที่ทำการผ่าตัดดูดไขมัน
- ใช้ยาชาเฉพาะที่หรือวางยาสลบโดยวิสัญญีแพทย์
- แพทย์ทำการเปิดช่องผิวหนังขนาดเล็กประมาณ 0.5 เซนติเมตร
- ฉีดยาเพื่อทำให้ไขมันอ่อนตัวลง
- ผสมยาห้ามเลือดลงในตำแหน่งที่จะทำการดูดไขมัน
- สอดท่อขนาดเล็กเข้าไปในบริเวณที่ทำการเปิดผิวหนัง จากนั้นดูดไขมันส่วนเกินออก
- เย็บแผลเพื่อปิดปากแผล
- แพทย์นำผ้าพันแผลพันบริเวณที่ดูดไขมันเพื่อกระชับผิว ลดอาการบวม และช่วยให้แผลหายเร็วยิ่งขึ้น
- ใช้เวลาต่ำสุดประมาณ 30 นาที จนถึง 2-3 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำ
การดูแลตัวเองหลังการดูดไขมัน
การดูแลตัวเองหลังดูดไขมันก็สำคัญไม่แพ้กับการเตรียมตัวก่อนดูดไขมัน เพื่อให้การฟื้นฟูเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว และลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นหลังการดูดไขมัน การดูแลตนเองสามารถทำได้ ดังนี้
- หลังผ่าตัดในช่วง 1-2 วันแรก จะมีอาการบวม มีรอยช้ำ และอาจรู้สึกปวดแสบปวดร้อน ควรรับประทานยาตามแพทย์สั่ง ประคบเย็น และใส่ชุดรัดรูปเพื่อกระชับผิว
- หลังทำประมาณ 1 เดือน ควรใช้ผ้ายืดพันรัดเพื่อกระชับผิวหนัง
- 3 วันหลังผ่าตัด สามารถเริ่มอาบน้ำได้หากแผลแห้ง และไม่มีอาการปวดบวม
- 1 สัปดาห์หลังดูดไขมัน แพทย์จะทำการนัดตัดไหม ไม่ควรทายาป้องกันการเกิดแผลเป็นนูนเด็ดขาด
- ควรงดออกกำลังกาย 1 เดือน
- ควรควบคุมอาหาร เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายกลับไปสะสมไขมันส่วนเกินได้อีก
ดูดไขมันที่ไหนดี? ดูดไขมันที่ Hers Clinic ดีกว่าอย่างไร
- Hers Clinic เป็นคลินิกที่ได้มาตรฐานโรงพยาบาล
- ให้บริการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางประสบการณ์สูง
- บริการระดับโรงแรม
- สถานที่สะอาด ปลอดภัยตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข
- ให้ผลลัพธ์อันน่าพึงพอใจ และมีประสิทธิภาพสูงสุด
สรุป
การดูดไขมันคือ การดูดเอาส่วนไขมันส่วนเกินที่สะสมตามส่วนต่างๆ ของร่างกายที่ส่งผลต่อรูปร่างและความมั่นใจ โดยใช้เครื่องมือต่างๆ ตามความเหมาะสมและปัญหาไขมันแต่ละจุดเข้าไปดูดไขมันใต้ผิว ช่วยให้หุ่นกระชับ สัดส่วนเป๊ะในเวลาอันรวดเร็ว เหมาะกับคนที่มีปัญหาไขมันสะสม ผิวย้อย ขาดความกระชับ หรือคนที่ออกกำลังกายแล้วไขมันบางจุดไม่สามารถกำจัดออกไปได้
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการดูดไขมัน (FAQ)
ปัจจุบันหลายคนให้ความสนใจกับการดูดไขมันเป็นอย่างมาก เราจึงได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการดูดไขมันมาตอบไว้ที่นี่
ดูดไขมัน แล้วจะกลับมาอ้วนได้หรือไม่
การดูดไขมันไม่ใช่วิธีการลดความอ้วน แต่เป็นการลดสัดส่วน การสะสมไขมันในร่างกายขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการกิน การใช้ชีวิต หากดูดไขมันแล้วไม่ออกกำลังกาย หรือควบคุมอาหาร ก็สามารถกลับมาอ้วนได้
ดูดไขมันราคาเท่าไร
ดูดไขมันมีราคาที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำการดูดไขมัน โปรโมชันขณะนั้น การประเมินของแพทย์ และสถานพยาบาลที่เข้ารับบริการ สำหรับการดูดไขมันเฉพาะจุด อย่างการดูดไขมันต้นแขน ดูดไขมันหน้าท้อง ดูดไขมันต้นขา ราคาจะเริ่มอยู่ที่ประมาณ 25,000 บาทขึ้นไป การดูดไขมันหน้า เหนียง ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 19,900 บาทขึ้นไป ดูดไขมันทั้งตัว เริ่มต้นที่ 25,000 บาทขึ้นไป
ดูดไขมันอันตรายหรือไม่
การดูดไขมันไม่อันตรายหากทำการผ่าตัดกับแพทย์ที่มีความชำนาญการและมีประสบการณ์ รวมทั้งรับบริการในสถานพยาบาลที่มีความสะอาด ได้รับมาตรฐานรับรองความปลอดภัยอย่างถูกต้อง
ดูดไขมันเจ็บไหม
การดูดไขมันเจ็บแต่เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น ระหว่างการทำจะมีการใช้ยาชาเฉพาะจุด หรืออาจมีการวางยาสลบ ซึ่งจะช่วยลดความเจ็บปวดในขณะทำ และหลังทำเสร็จสามารถกลับบ้าน ใช้ชีวิตได้ตามปกติได้เลย