ข่าวดีสำหรับหลายๆท่านที่มีปัญหาสุขภาพขณะนอนหลับ การนอนหลับไม่สนิท หลับๆตื่นๆ หรือภาวะการหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea – OSA) ซึ่งส่งผลกระทบต่อการนอนหลับและเป็นปัญหาในการใช้ชีวิตอีกด้วย ฉะนั้นจึงจำเป็นต้องรักษาโดย การตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) ซึ่งแน่นอนว่าการตรวจรักษาอาการเหล่านี้ต้องมีค่าใช้จ่าย ณ วันนี้ทางประกันสังคมเปิดให้ผู้ประกันตนที่มีปัญหาภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้เบิกค่ารักษาพยาบาลและอุปกรณ์ได้แล้ว ตั้งแต่ 1 มกราคม 2567 ในปีที่ผ่านมา โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไงอะไรบ้างมาดูกันเลย
การตรวจ Sleep Test หรือการตรวจการนอนหลับ
บางท่านอาจจะได้เคยยินมาว่ามีวิธีเช็ค การตรวจการนอนหลับ หรือที่เรียกกันว่าSleep Test ในปัจจุบันใช้เพื่อทดสอบการนอนปัญหาสุขภาพในการนอนหลับ อาทิ การนอนกรนเสียงผิดปกติ การสะดุ้งตื่นขณะนอน กล้ามเนื้อกระตุกขณะหลับ การนอนละเมอ หรือภาวะการหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) ฯลฯ โดยการทดสอบทางแพทย์ที่ดูแลจะมีการติดตั้งอุปกรณ์ตามร่างกายของผู้ป่วยขณะหลับเพื่อประเมินปัญหาการนอนและหาแนวทางในการรักษาได้อย่างถูกต้องและทันท่วงที
ใครที่เหมาะกับการทำ Sleep Test
1. ผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea – OSA)
• นอนกรนเสียงดังและมีช่วงหยุดหายใจระหว่างนอน
• ตื่นขึ้นมารู้สึกสำลัก หายใจติดขัด หรือหายใจเฮือก
• ง่วงนอนมากผิดปกติในเวลากลางวัน แม้จะนอนเพียงพอ
• ปวดศีรษะหลังตื่นนอน รู้สึกไม่สดชื่น
• ความดันโลหิตสูงที่ควบคุมยาก
• มีภาวะอ้วนหรือรอบคอใหญ่กว่าปกติ
2. ผู้ที่มีอาการนอนไม่หลับหรือนอนหลับไม่สนิท
• ตื่นกลางดึกบ่อย ๆ
• ฝันร้าย หรือมีพฤติกรรมผิดปกติขณะหลับ เช่น การนอนละเมอ ฝันแล้วมีการขยับร่างกาย
• รู้สึกเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย ไม่มีสมาธิ
3. ผู้ที่มีภาวะขากระตุกขณะหลับ (Periodic Limb Movement Disorder – PLMD)
• กระตุกขา แขน หรือร่างกายระหว่างหลับโดยไม่รู้ตัว
• ตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกเหมือนนอนไม่พอ
4. ผู้ที่มีอาการง่วงนอนมากเกินไปในเวลากลางวัน (Narcolepsy)
• หลับไปโดยไม่รู้ตัวระหว่างทำกิจกรรม เช่น ขับรถ ทำงาน
• มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงเฉียบพลันเวลาตื่นเต้นหรือตกใจ
5. ผู้ที่มีปัญหาการนอนจากการทำงานกะดึก (Shift Work Sleep Disorder)
• มีปัญหานอนหลับหลังจากทำงานเป็นกะ
• นอนไม่พอ หรือตื่นแล้วรู้สึกอ่อนเพลียตลอดเวลา
Sleep Test เบิกประกันสังคมได้ไหม
สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ลงนามประกาศคณะกรรมการการแพทย์ตาม พ.ร.บ.ประกันสังคม เรื่อง หลักเกณฑ์และอัตราสำหรับประโยชน์ทดแทนในกรณีประสบอันตราย หรือเจ็บป่วยอันมิใช่เนื่องจากการทำงาน เมื่อวันที่ 22 ม.ค. 2567 กรณี แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์ และอัตราสำหรับประโยชน์ทดแทน รักษาผู้ประกันตนที่ป่วยด้วย โรคหยุดหายใจขณะหลับ และมีความจำเป็นต้องใช้เครื่องอัดอากาศขณะหายใจเข้า (Continuous Positive Airway Pressure : CPAP)
โดยทางประกันสังคมได้ประกาศ ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม ที่มีปัญหาด้านการนอนหลับหรือภาวะหยุดหายใจขณะหลับ สามารถเบิกค่า การตรวจนอนหลับ (sleep test) ค่าอุปกรณ์ และอุปกรณ์เสริมได้แล้ว โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- ค่าตรวจนอนหลับ (Polysomnography) ชนิดที่ 1 (มีเจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามขณะตรวจทั้งคืน) จ่ายในอัตราเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 7,000 บาท
- ค่าตรวจการนอนหลับ (Polysomnography) ชนิดที่ 2 (การตรวจวัดเหมือนการตรวจชนิดที่ 1 เว้นแต่ไม่มีเจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามขณะตรวจ) จ่ายในอัตราไม่เกินจริง 6,000 บาท
- ค่าอุปกรณ์เครื่อง CPAP และอุปกรณ์เสริมสำหรับการรักษาในอัตราที่สำนักงานกำหนด ดังนี้
- เครื่องอัดอากาศขณะหายใจเข้า (Continuous Positive Airway Pressure : CPAP) ชุดละ 20,000 บาท
- หน้ากากครอบจมูกหรือปากที่ใช้กับเครื่องอัดอากาศขณะหายใจเข้า ชิ้นละ 4,000 บาท
ทั้งนี้ ค่าอุปกรณ์เสริม รายการแผ่นกรองอากาศ (Filter) กระดาษ และแผ่นกรองอากาศ (Filter) ฟองน้ำ ให้รวมอยู่ในค่าบริการทางการแพทย์ของสถานพยาบาลที่สำนักงานกำหนดสิทธิในการรับบริการทางการแพทย์สำหรับผู้ประกันตน
เงื่อนไขการรับสิทธิเบิก “ประกันสังคม”
• ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และ 39 : ต้องจ่ายเงินสมทบไม่น้อยกว่า 3 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือนก่อนวันรับบริการทางการแพทย์
• ผู้ประกันตนตามมาตรา 38 และ 41 : ต้องจ่ายเงินสมทบไม่น้อยกว่า 3 เดือนภายในระยะเวลา 15 เดือนก่อนวันรับบริการทางการแพทย์ และได้รับสิทธิคุ้มครองภายใน 6 เดือนนับจากวันที่สิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตน