ภาวะ ขากระตุก ขณะหลับ หรือที่เรียกว่า Periodic Limb Movement Disorder อาการดังกล่าวก็คือขณะนอนหลับอยู่จะมีอาการตัวกระตุก หรือขากระตุก ทำให้ตื่นในเวลาดึก ตื่นบ่อย ซึ่งโรคนี้จะทำให้เราไม่สามารถเข้าสู่ภาวะหลับลึกได้ ส่งผลให้เวลาเราใช้ชีวิตกิจวัตประจำวันขณะเรียน ทำงาน เกิดอาการง่วงหรือซึมได้
สาเหตุของการเกิด ขากระตุก
สาเหตุที่พบบ่อยจากอาการดังกล่าว อาจจะเกิดได้จากกลุ่มยาที่ใช้อาทิเช่น ยากลุ่มซึมเศร้า ยาแก้แพ้ ที่ทำให้ง่วง และสาเหตุต่อมาOSA (obstructive sleep apnea : OSA) ภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจขณะหลับ ซึ่งหากบุคคลที่มีโรคไต เบาหวาน อาจจะส่งผลให้อาการนี้เกิดขึ้นได้มากกว่าปกติ
ยากลุ่มซึมเศร้า
- ยากลุ่ม SSRI หรือ SNRIs เช่น เซอร์ทราลีน (Sertraline), ฟลูออกซิทีน (Fluoxetine) อาจทำให้การนอนหลับมีปัญหาหรือรู้สึกไม่สดชื่น เพราะอาจกระตุ้นหรือทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับ (insomnia) ในบางคน
- ยากลุ่ม TCAs เช่น อะมีทริปทิลีน (Amitriptyline) หรือ โนโทรทริป ไทลีน (Nortriptyline)มักจะมีผลทำให้รู้สึกง่วงนอนในตอนกลางวัน แต่ในบางรายอาจมีอาการง่วงในตอนกลางคืน ทำให้บางครั้งใช้ในการช่วยให้หลับได้ดีขึ้น
- ยา MAOI เช่น ฟีนอลซีน (Phenelzine) อาจมีผลข้างเคียงทำให้การนอนหลับเปลี่ยนแปลงไป ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคน
ยาแก้แพ้
- ยาแก้แพ้แบบเก่า เช่น Diphenhydramine (Benadryl) มักถูกใช้เป็นยาช่วยหลับเนื่องจากมีผลข้างเคียงที่ทำให้รู้สึกง่วงได้
- ยาแก้แพ้แบบใหม่ เช่น Loratadine หรือ Cetirizine มีความเชื่อมโยงกับตัวรับฮิสตามีนในร่างกายมากกว่าที่สมอง ซึ่งมักจะทำให้มีอาการง่วงนอนน้อยกว่า
ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA)
เป็นภาวะอันตรายสังเกตได้จากการนอนกรน เกิดจากระบบทางเดินหายใจบริเวณต้นที่แคบลง หากปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษาจะเสี่ยงโรคทางหัวใจ และโรคอื่น ๆ ซึ่งอันตรายถึงชีวิต สามารถวินิจฉัยได้ผ่านการทำ Sleep Test เพื่อวัดความรุนแรงของอาการเป็นข้อมูลสำหรับทำการรักษาในขั้นต่อไป
โรคประจำตัว
1. โรคไต (Chronic Kidney Disease)
ผู้ที่มีโรคไตเรื้อรังอาจมีภาวะ ขากระตุก ขณะหลับได้มากกว่าคนทั่วไป สาเหตุหลักอาจมาจาก :
- การสะสมของสารพิษในร่างกาย เนื่องจากไตไม่สามารถกรองของเสียได้ดี
- การขาดธาตุเหล็ก เนื่องจากการทำงานของไตที่บกพร่องทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมธาตุเหล็กได้ดี
- ความผิดปกติของการทำงานของระบบประสาท การทำงานของระบบประสาทส่วนกลางที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมกล้ามเนื้ออาจถูกกระทบจากโรคไต
2. โรคเบาหวาน (Diabetes)
โรคเบาหวานสามารถทำให้เกิดภาวะ ขากระตุก ขณะหลับได้จากหลายสาเหตุ :
- ความผิดปกติของระบบประสาท (Neuropathy) : เบาหวานสามารถทำให้เกิดการทำลายเส้นประสาทในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะที่ขา ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการขากระตุกหรือรู้สึกไม่สบายที่ขาได้
- การขาดธาตุเหล็กหรือวิตามิน : ผู้ป่วยเบาหวานอาจมีการขาดธาตุเหล็กหรือวิตามินบางชนิดที่สำคัญต่อการทำงานของระบบประสาท
3. โรคเลือดจาง (Anemia)
การขาดเลือดหรือภาวะเลือดจาง (โดยเฉพาะจากการขาดธาตุเหล็ก) สามารถส่งผลต่อการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ :
- การขาดธาตุเหล็ก เป็นสาเหตุหลักของภาวะเลือดจางที่สามารถทำให้เกิดการขาดออกซิเจนไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งรวมไปถึงกล้ามเนื้อและเส้นประสาท
- ความผิดปกติของการทำงานของประสาท ในกรณีที่ขาดธาตุเหล็กหรือวิตามินที่จำเป็น อาจจะทำให้เกิดอาการกระตุกที่ขาในขณะหลับได้
เครื่องดื่มที่ควรระวัง
คาเฟอีน
ชาและกาแฟทั้งสองอย่างนี้ มีคาเฟอีนเป็นส่วนประกอบหลักเป็นสารกระตุ้นที่สามารถส่งผลต่อการนอนหลับในลักษณะเดียวกับการดื่มคาเฟอีนโดยตรง โดยเฉพาะถ้าดื่มในช่วงเวลาที่ใกล้กับเวลานอน ซึ่งผลกระทบที่ชาและกาแฟสามารถเกิดได้ต่อการนอนหลับดังนี้ :
1. ชา (Tea)
- ชาเขียว : มีคาเฟอีนประมาณ 20-45 มิลลิกรัมต่อถ้วย (ขึ้นอยู่กับชนิดและวิธีการชง)
- ชาแดง : มีคาเฟอีนประมาณ 40-70 มิลลิกรัมต่อถ้วย
- ชาไร้คาเฟอีน (Herbal Tea) : ชาเหล่านี้มักจะไม่มีคาเฟอีนและไม่กระทบต่อการนอนหลับ เช่น ชาคาโมมายล์ หรือชามินต์ ซึ่งบางชนิดสามารถช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและช่วยให้การนอนหลับดีขึ้น
2. กาแฟ (Coffee)
- การกระตุ้นการทำงานของสมอง : คาเฟอีนในกาแฟสามารถบล็อกตัวรับอะดีโนซีนในสมอง ซึ่งเป็นสารเคมีที่ทำให้เรารู้สึกง่วง การบล็อกนี้ทำให้การตื่นตัวและความรู้สึกกระปรี้กระเปร่ายาวนานขึ้น
- การกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง : ทำให้บางคนรู้สึกกระฉับกระเฉงมากขึ้น และทำให้ยากที่จะหลับได้ช่วงเวลากลางคืน หากดื่มกาแฟในช่วงเย็นหรือช่วงใกล้เวลานอน
3.ช็อกโกแลต (Chocolate)
ช็อกโกแลตโดยเฉพาะช็อกโกแลตที่มีเนื้อโกโก้สูง (เช่น ดาร์กช็อกโกแลต) มีคาเฟอีนในปริมาณที่ต่ำกว่ากาแฟหรือชา แต่ก็ยังสามารถกระตุ้นระบบประสาทและทำให้เกิดอาการตื่นตัวได้ ช็อกโกแลตประเภทดาร์กมีคาเฟอีนประมาณ 10-20 มิลลิกรัมต่อชิ้น ในขณะที่ช็อกโกแลตนมมีคาเฟอีนน้อยกว่า
การรักษาภาวะ ขากระตุก
การรักษาภาวะ ขากระตุก ขณะนอนหลับ หรือ PLMD (Periodic Limb Movement Disorder) ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ และสาเหตุที่เป็นพื้นฐานบางกรณีอาจใช้การรักษาที่ไม่ใช้ยา ส่วนในกรณีที่มีอาการรุนแรงหรือมีสาเหตุทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้อง การรักษาด้วยยาจะมีความจำเป็น ดังนี้ :
1. การปรับพฤติกรรมการนอน
- การสร้างนิสัยการนอนที่ดี : พยายามเข้านอนและตื่นนอนในเวลาเดียวกันทุกวัน เพื่อช่วยให้ร่างกายปรับตัวเข้าสู่กระบวนการนอนหลับที่สม่ำเสมอ
- หลีกเลี่ยงคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ : คาเฟอีนและแอลกอฮอล์สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการขากระตุก
- การออกกำลังกายเบาๆ : การออกกำลังกายที่ไม่หักโหม เช่น การเดิน หรือการยืดเหยียดกล้ามเนื้อ สามารถช่วยลดอาการขากระตุกในบางคน
2. การใช้ยา
- ยาต้านโดพามีน (Dopamine Agonists) : ยากลุ่มนี้สามารถช่วยลดอาการขากระตุกโดยการกระตุ้นตัวรับโดปามีนในสมอง เช่น โรปินิโรล (Ropinirole), ปรามิเพ็กซอล (Pramipexole) ซึ่งใช้ในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง
3. การรักษาภาวะขาดธาตุเหล็ก
- หากขาดธาตุเหล็กเป็นสาเหตุของภาวะขากระตุก (ซึ่งพบได้ในบางกรณี) การเสริมธาตุเหล็กในรูปแบบของอาหารเสริมหรือการทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง เช่น เนื้อสัตว์ ตับ ถั่ว และผักใบเขียว อาจช่วยลดอาการได้
4. การรักษาโรคที่เกี่ยวข้อง
- หากภาวะขากระตุกเกิดจากโรคอื่น เช่น โรคไต โรคเบาหวาน หรือโรคเลือดจาง การรักษาโรคพื้นฐานอาจช่วยบรรเทาอาการ PLMD ได้ เช่น การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวาน หรือการรักษาภาวะไตวายในผู้ป่วยโรคไต
5. การทำกายภาพบำบัด
- ในบางกรณี การทำกายภาพบำบัดหรือการยืดเหยียดกล้ามเนื้อขาอาจช่วยลดอาการกระตุกที่เกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะก่อนเข้านอน
สรุป
การรักษาภาวะ ขากระตุก ขณะหลับสามารถทำได้หลายวิธี ตั้งแต่การปรับพฤติกรรมการนอนจนถึงการใช้ยา การดื่มหรือทานอาหารก็มีผลกับภาวะการหลับด้วยเช่นกัน ซึ่งการรักษาภาวะพื้นฐานที่อาจเกี่ยวข้องนี้ หากรักษาเบื้องต้นอาการไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุด
ข้อมูลเพิ่มเติมคลิก!!! https://vt.tiktok.com/ZSjkEgMgB