ริ้วรอยเป็นปัญหาผิวที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน โดยจะพบได้มาก และเห็นเป็นร่องลึกอย่างชัดเจนเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น แต่บางครั้งก็พบว่าหลายคนประสบปัญหาเกิดริ้วรอยก่อนวัยเมื่ออายุยังน้อยทำให้แลดูแก่กว่าอายุจริง ทำให้สูญเสียความมั่นใจได้
เมื่อเกิดปัญหาริ้วรอยไม่ต้องกังวลใจ เพราะในปัจจุบันนี้มีวิธีการลดริ้วรอยอย่างเห็นผล ที่ช่วยให้ใบหน้ากลับมากระชับแลดูเด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติอยู่หลายวิธี โดยจะมีวิธีอะไรบ้างนั้น ตามมาดูในบทความนี้ได้เลย
ปัญหาริ้วรอย คืออะไร
ริ้วรอยบนใบหน้า คือการเกิดรอยยับเป็นเส้นริ้วบนผิวหนัง หากมีอาการมากริ้วรอยจะกลายเป็นร่องลึกที่เห็นชัดเจนมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ริ้วรอยเป็นปัญหาผิวหนังที่ไม่ใช่อาการผิดปกติ สามารถเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ โดยจะเห็นได้ชัดเจนเมื่ออายุมากขึ้น เกิดจากการที่เซลล์ผิวอุ้มน้ำน้อยลง คอลลาเจนและอีลาสตินซึ่งเป็นโครงสร้างหลักของผิวมีการสร้างน้อยลง ทำให้โครงสร้างผิวอ่อนแอ ขาดความชุ่มชื้น จึงเกิดเป็นริ้วรอยและเกิดความหย่อนคล้อยขึ้น
โดยริ้วรอยบนใบหน้าสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่
- ริ้วรอยแบบตื้น เป็นริ้วรอยที่พบบริเวณผิวหนังชั้นบนสุด เกิดขึ้นเนื่องจากผิวหนังมีความแห้ง ขาดความชุ่มชื้นจากสาเหตุต่างๆ เช่น อายุที่มากขึ้น การขาดการบำรุงผิว อาบน้ำร้อนเป็นประจำ ดื่มน้ำน้อย
- ริ้วรอยแบบลึก เป็นริ้วรอยที่เกิดจากการหดตัวของชั้นกล้ามเนื้อ ชั้นหนังแท้ และหนังกำพร้าดึงเข้าหากันมากขึ้น จนเกิดเป็นรอยพับย่นอย่างเห็นได้ชัดเจน และคืนรูปได้ยาก พบได้ในผู้ที่มีผิวแห้ง หรือผิวมันมาก มีการเคลื่อนไหวของใบหน้าบ่อย เช่น หัวเราะ ยิ้ม ขมวดคิ้ว เลิกหน้าผาก
ปัญหาริ้วรอย พบได้บริเวณไหนบ้าง
ปัญหาริ้วรอยไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะบริเวณใบหน้าเท่านั้น ยังสามารถเกิดขึ้นได้ทั่วร่างกายอีกด้วย โดยริ้วรอยแต่ละจุด มีรายละเอียดดังนี้
- ริ้วรอยบนใบหน้า มักเกิดบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวของใบหน้าจากการแสดงสีหน้า เช่น หน้าผาก ริ้วรอยร่องแก้ม ริ้วรอยใต้ตาและหางตา ริ้วรอยระหว่างคิ้ว ริ้วรอยบริเวณร่องน้ำหมาก เป็นต้น
- ริ้วรอยบริเวณร่างกาย เกิดขึ้นได้ตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น เช่น บริเวณลำคอ หลังมือ แขนและขา เป็นต้น
สาเหตุ ปัญหาริ้วรอย เกิดจากอะไร
สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาริ้วรอยมีอยู่ด้วยกันหลายปัจจัย ดังนี้
1. อายุมากขึ้น
เมื่ออายุมากขึ้นร่างกายจะมีการสร้างคอลลาเจน อีลาสติน และ Hyaluronic Acid ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของโครงสร้างผิวที่ทำให้ผิวชุ่มชื้น เต่งตึง และมีความยืดหยุ่น ลดน้อยลง ทำให้ผิวขาดความแข็งแรง มีความยืดหยุ่นน้อยลง เซลล์ผิวไม่สามารถอุ้มน้ำไว้ในชั้นผิวได้ ทำให้ผิวขาดความหนาแน่น จึงทำให้ผิวเกิดริ้วรอยตามร่างกายและบนใบหน้า รวมถึงเป็นสาเหตุของผิวหย่อนคล้อย
2. พันธุกรรม
ในแต่ละคนจะมีโครงสร้าง และลักษณะของผิวที่แตกต่างกันไปตามลักษณะทางพันธุกรรม การเกิดริ้วรอยและความลึกของริ้วรอยในแต่ละคนจึงต่างกัน บางคนเกิดริ้วรอยเร็ว บางคนเกิดช้านั่นเอง
3. รังสียูวีจากแสงแดด และหน้าจอ
แสงแดด ถือเป็นหนึ่งตัวการสำคัญที่ทำร้ายผิว โดยรังสีอัลตราไวโอเลต ทั้งรังสี UVA และ UVB นอกจากจะทำให้ผิวคล้ำเสียแล้ว ยังทำลายโครงสร้างของผิว ทำให้ผิวเสื่อมสภาพ
เมื่อโครงสร้างผิวอ่อนแอ ขาดความยืดหยุ่น และความชุ่มชื้น จะทำให้เกิดเป็นริ้วรอยตามร่างกายและบนใบหน้า และความแห้งกร้าน รวมทั้งปัญหาผิวอื่นๆ เช่น ผิวแห้งแสบ เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ มะเร็งผิวหนัง เป็นต้น
4. การพักผ่อนน้อย
ในช่วงเวลาที่เรานอนหลับ ร่างกายจะมีการหลั่ง Growth Hormone ออกมาเพื่อซ่อมแซมและฟื้นฟูระบบต่างๆของร่างกาย มีการสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาทดแทนเซลล์ที่ตายหรือเสื่อมสภาพ ลดการสะสมของไขมัน ช่วยชะลอวัย การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอจึงทำให้ระบบต่างๆของร่างกายรวมถึงผิวพรรณฟื้นฟูได้ไม่เต็มที่ ผิวพรรณจึงดูหมองคล้ำ ขาดความชุ่มชื้นและเกิดริ้วรอยตามร่างกายและบนใบหน้า
5. แอลกอฮอล์และบุหรี่
การบริโภคแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่เป็นประจำเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดอนุมูลอิสระภายในร่างกายซึ่งตัวการที่ทำลายโครงสร้างของผิวโดยตรง สารนิโคตินและแอลกอฮอล์ยังทำให้คอลลาเจนในผิวเสื่อมสภาพ จึงทำให้ผิวเกิดริ้วรอยตามร่างกายและบนใบหน้า ผิวเหี่ยวย่น หย่อนคล้อย และขาดความยืดหยุ่นได้
6. การขยับกล้ามเนื้อหน้าบ่อยๆ
การขยับกล้ามเนื้อใบหน้าบ่อยๆหรือการแสดงสีหน้า เช่น การยิ้ม ร้องไห้ ขมวดคิ้ว เลิกหน้าผาก ขยี้ตาบ่อยๆ ถือว่าเป็นสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งของการเกิดริ้วรอยบนใบหน้า ยิ่งบริเวณที่มีการแสดงสีหน้าซ้ำๆ และผิวหนังบริเวณนั้นมีความยืดหยุ่นน้อย จะยิ่งเห็นริ้วรอยชัดเจนและเป็นร่องที่ลึกขึ้น
7. ผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้น
ผิวที่แห้งขาดความชุ่มชื้นจากสาเหตุต่างๆ เช่น ขาดการบำรุงผิวด้วยสารเพิ่มความชุ่มชื้น การขัดผิวหน้า การทำความสะอาดผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่ไม่อ่อนโยนต่อผิว อยู่ในห้องแอร์เป็นประจำ ทำให้เกิดเป็นริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า และตามร่างกายได้ง่าย
8. ความเครียดสะสม
เมื่อร่างกายเกิดความเครียดจะหลั่งฮอร์โมนแห่งความเครียดที่มีชื่อว่า ฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ขึ้นมา ฮอร์โมนนี้มีผลต่อการสร้างเม็ดสีเมลานิน และยับยั้งการสร้าง Growth Hormone ผู้ที่มีความเครียดสะสมจึงมีผิวหน้าที่หมองคล้ำ เกิดฝ้า กระ และจุดด่างดำ รวมทั้งมีผิวที่แห้งกร้าน มีริ้วรอยเหี่ยวย่น
รวม 9 วิธีลดริ้วรอย แบบธรรมชาติ และหัตถการ
วิธีการลดริ้วรอยมีอยู่ด้วยกันหลายวิธีทั้งวิธีแบบธรรมชาติ ทำได้เองที่บ้าน และการทำหัตถการโดยแพทย์ โดยแต่ละวิธี มีหลักการ จุดเด่น และข้อจำกัดที่แตกต่างกัน ดังนี้
1. Hifu
การทำ Hifu หรือ High Intensity Focus Ultrasound เป็นการใช้เครื่องมือยิงคลื่นเสียงอัลตราซาวนด์ความถี่สูง ให้เกิดเป็นพลังงานความร้อน โดยพลังงานจะสามารถส่งไปลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นที่แพทย์ทำการผ่าตัดดึงหน้า
ให้ผลลัพธ์คล้ายการผ่าตัดดึงหน้า ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินให้เพิ่มขึ้นและมีการจัดเรียงตัวใหม่ จึงทำให้ผิวยกกระชับ ลดริ้วรอย ผิวมีความแข็งแรงและยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น
ข้อดี
- เป็นการลดริ้วรอยโดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ทำให้เกิดแผล จึงไม่จำเป็นต้องพักฟื้น
- เห็นผลลัพธ์การรักษาลดริ้วรอยทันทีหลังทำ
- สามารถทำได้หลายจุดทั้งบริเวณใบหน้าและลำตัว
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติของร่างกาย จึงช่วยป้องกันการหย่อนคล้อยและริ้วรอยร่องลึกของผิวในอนาคตได้ หากทำเป็นประจำ
ข้อจำกัด
- อาจเกิดผลข้างเคียงหลังการรักษาลดริ้วรอย เช่น ผิวไหม้ ใบหน้าบวม ปากเบี้ยว หากใช้เครื่องปลอมที่ไม่มีมาตรฐาน ให้ค่าพลังงานไม่คงที่
- หากแพทย์ผู้ทำการรักษาลดริ้วรอยไม่มีความชำนาญในการใช้เครื่องมือ และประเมินจำนวนไลน์ที่ไม่เหมาะสมกับอาการของคนไข้แต่ละคน การทำ HIFU อาจไม่เห็นผลลัพธ์ตามต้องการ
- ผลลัพธ์หลังการรักษาลดริ้วรอยอยู่ไม่ถาวร ต้องกลับมาทำซ้ำ
2. ฉีดฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์ คือสารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid (HA) ที่มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำได้ดี เป็นสารธรรมชาติที่ร่างกายสามารถผลิตได้เอง ใช้สำหรับเติมเต็มผิวที่มีความเสื่อมสภาพและยุบตัวลงเมื่ออายุมากขึ้น
เมื่อเติมฟิลเลอร์เข้าไปบริเวณที่เป็นร่องริ้วรอย ร่องลึกต่างๆ จึงทำให้ผิวบริเวณนั้นมีความอิ่มฟู เต่งตึง ลดริ้วรอย ลดร่องแก้ม ทำให้ผิวเรียบเนียนและดูชุ่มชื้นมีสุขภาพดีมากยิ่งขึ้น
ข้อดี
- เห็นผลลัพธ์ความเต่งตึงและริ้วรอยลดลงทันทีหลังทำ
- ไม่ต้องผ่าตัด ไม่เกิดแผลหลังการฉีด จึงไม่ต้องพักฟื้น หลังทำสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
- ให้ความชุ่มชื้น ผิวดูกระจ่างใส แลดูสุขภาพดี ใบหน้าดูเด็กลง
- มีความปลอดภัย โอกาสแพ้น้อย และสลายตัวได้เอง
ข้อจำกัด
- ฟิลเลอร์มีหลายประเภท ต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับบริเวณที่จะฉีด และเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ช่วยแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด
- หากใช้ฟิลเลอร์ปลอมที่ไม่ได้การรับรองมาตรฐาน อาจเกิดผลข้างเคียงรุนแรง เช่น เกิดการบวมอักเสบ ฟิลเลอร์ไหลไปยังบริเวณข้างเคียง นูนเป็นก้อน เกิดอาการแพ้ ติดเชื้อเฉียบพลัน
3. ฉีดโบท็อกซ์
โบท็อกซ์ ถือเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมสูงมากในการลดริ้วรอย เพราะโบท็อกซ์ เป็นสารสกัดจากแบคทีเรียที่ชื่อว่า คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium Botulinum) สารชนิดนี้จะออกฤทธิ์โดยเข้าไปจับกับเซลล์ประสาทที่ทำหน้าที่ในการควบคุมกล้ามเนื้อ ทำเกิดการคลายตัวของมัดกล้ามเนื้อ จึงทำให้ริ้วรอยดูตื้นขึ้น ผิวดูเรียบเนียนอย่างเห็นได้ชัด
ข้อดี
- ให้ผลลัพธ์ในการลดริ้วรอยที่ได้ผลดี ในราคาไม่แพงมาก
- สามารถทำได้หลายจุดทั่วใบหน้า เช่น ลดริ้วรอยหน้าผาก หางตา หว่างคิ้ว
- ใช้เวลาทำไม่นาน ไม่ต้องพักฟื้นหลังทำ
ข้อจำกัด
- ไม่เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังทำ ต้องรอเวลาให้ตัวยาออกฤทธิ์เต็มที่ประมาณ 7-14 วัน
- ให้ผลลัพธ์การลดริ้วรอยไม่ถาวร อยู่ได้นานประมาณ 3-4 เดือน
- อาจเกิดผลข้างเคียงหลังทำหากฉีดโดยแพทย์ที่ไม่ชำนาญ เช่น หน้าเบี้ยว หน้าแข็ง ดูไม่เป็นธรรมชาติ หนังตาตก มุมปากตก เป็นต้น
4. ฉีดเมโสแฟต
การฉีดเมโสแฟต เป็นการฉีดตัวยาที่เข้าไปสลายไขมันในชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ทำให้เซลล์ไขมันเกิดการแตกตัวหรือมีการดึงไขมันออกจากเซลล์ รวมทั้งกระตุ้นให้ร่างกายมีการนำเอาไขมันไปใช้มากขึ้น และยังลดการสร้างไขมัน จากนั้นจึงขับออกร่างกายจากการขับถ่ายและระบบหายใจ
แม้การฉีดเมโสแฟตไม่มีผลในการช่วยลดริ้วรอยได้โดยตรง แต่ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมช่วยลดแก้มเหนียง ปรับรูปหน้าให้ดูเล็กลง ทำให้ใบหน้าดูสดใสมากยิ่งขึ้น
ข้อดี
- ใช้เวลาทำไม่นาน ทำเสร็จสามารถกลับบ้านได้เลยโดยไม่ต้องพักฟื้น
- สามารถทำได้หลายจุดทั่วร่างกายไม่ว่าจะเป็นแก้ม เหนียง ท้องแขน ต้นขา หน้าท้องและสะโพก
- มีราคาไม่แพงมากเมื่อเทียบกับการใช้เครื่องมือชนิดอื่น
- ไม่มีรอยแผล ไม่ทิ้งรอยแผลเป็นหลังการฉีดรักษา
ข้อจำกัด
- ต้องทำซ้ำหลายครั้ง ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาของแต่ละคน
- หลังทำอาจมีอาการบวมแดงบริเวณที่ฉีด และอาการจะหายไปได้เองภายใน 3-4 ชั่วโมง
- ไม่สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันที โดยจะเห็นผลลัพธ์หลังทำประมาณ 1-2 สัปดาห์
5. เลเซอร์
ลดริ้วรอยได้ด้วยการใช้เครื่องเลเซอร์ เช่น YAG, Fractional laser และ IPL โดยเครื่องเลเซอร์จะส่งผ่านความร้อนลงไปใต้ผิวหนังเพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินทั่วใบหน้า รวมทั้งกำจัดเซลล์ผิวเก่าและกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ จึงช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้าได้ดี ช่วยลดจุดด่างดำ ฝ้า กระ และรอยแผลเป็นจากสิวบนใบหน้าได้อีกด้วย
ข้อดี
- ช่วยลดเลือนริ้วรอยเหี่ยวย่น และจุดด่างดำต่างๆได้อย่างเห็นผล
- ให้ผลช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินตามธรรมชาติ ทำให้ได้ผิวที่มีความเรียบเนียน เต่งตึง อิ่มฟูขึ้น
- ช่วยป้องกันหรือชะลอผิวเหี่ยวย่นในอนาคต
ข้อจำกัด
- เนื่องจากเป็นการส่งผ่านพลังงานความร้อน หลังทำอาจเกิดผลข้างเคียง เช่น ผิวแสบ แดง ระคายเคือง และลอกได้
- อาจรู้สึกเจ็บบ้างระหว่างการยิงเลเซอร์รักษา
- ต้องมีการดูแลรักษาผิวอย่างเคร่งครัดด้วยวิธีการที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ
6. นวดหน้า RF
การนวดหน้า RF เป็นวิธีการลดริ้วรอยด้วยการใช้เครื่องมือนวดหน้าพร้อมกับการปล่อยคลื่นวิทยุความถี่สูง RF (Radio-Frequency) เข้าสู่ชั้นผิวหนังทำให้เกิดความร้อนในชั้นผิวหนังส่งผลกระตุ้นให้เกิดการแบ่งตัวของเซลล์ กำจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ กระตุ้นการสร้างเส้นในคอลลาเจนและอีลาสติน รวมทั้งยังมีผลในการช่วยสลายไขมันสะสมได้อีกด้วย จึงทำให้ผิวดูเรียบเนียน รูขุมขนดูลดลง ริ้วรอยลดลง ผิวกระชับและมีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น
ข้อดี
- ให้ผลลัพธ์ที่หลากหลายทั้งการลดริ้วรอย กระชับผิว ช่วยลดไขมันสะสม สามารถปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น ช่วยให้สุขภาพผิวแลดูสุขภาพดีขึ้นและกระจ่างใสมากขึ้น
- ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ทำให้เกิดแผล ใช้เวลาทำไม่นาน
- ไม่ต้องพักฟื้น
- เห็นผลลัพธ์ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ
ข้อจำกัด
- ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยที่เป็นร่องลึกมาก
- ไม่สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังทำ ต้องใช้เวลาประมาณ 1 เดือนจึงเริ่มเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจน
- อาจพบอาการผิวแดง บวม และปวดเล็กน้อยหลังทำ แต่จะหายเองใน 1-3 วัน
7. ใช้ผลิตภัณฑ์ลดริ้วรอย
การใช้ผลิตภัณฑ์ลดเลือนริ้วรอยเป็นวิธีการป้องกันและลดริ้วรอยเบื้องต้นที่สามารถทำได้เอง โดยผลิตภัณฑ์ที่นิยมนำมาใช้ป้องกันและชะลอวัย ได้แก่ เรตินอยด์ (Retinoids) วิตามินซี (Ascorbic acid) อัลฟา ไฮดรอกซี แอซิด (AHA) ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) โคเอนไซม์ คิวเทน (Coenzyme Q10) เปปไทด์ (Peptide) และกรดไฮยาลูโรนิค
โดยผลิตภัณฑ์เหล่านี้ เป็นสารช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ทำให้ผิวแข็งแรง ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพเพื่อให้มีการสร้างเซลล์ผิวใหม่ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ช่วยลดเลือนริ้วรอยเล็กๆได้ดี
ข้อดี
- หาซื้อได้ง่าย ราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับการทำหัตถการอื่นๆ
- ทำได้เองที่บ้าน ไม่ต้องเสียเวลา และค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปคลินิก
ข้อจำกัด
- ไม่เห็นผลลัพธ์ในทันที ลดริ้วรอยได้แต่ต้องใช้เวลานาน และต้องใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง
- สารบางชนิดเช่น AHA อาจก่อให้เกิดอาการแพ้และระคายเคืองได้
8. ทรีตเมนต์ลดริ้วรอย
วิธีการทำทรีตเมนต์เพื่อช่วยลดริ้วรอยมีอยู่ด้วยกันหลายวิธี การทำทรีตเมนต์นอกจากจะช่วยลดและป้องกันริ้วรอย ยังเพิ่มความแข็งแรง ช่วยให้สุขภาพผิวดีมากยิ่งขึ้น
ข้อดี
- กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ช่วยให้ผิวพรรณสดใส เปล่งปลั่ง แลดูสุขภาพดีขึ้น ริ้วรอยลดลง
- ช่วยลดปัญหาผิวต่างๆเช่น สิว ฝ้า กระ ผิวแห้งลอกเป็นขุย
ข้อจำกัด
- เห็นผลลัพธ์ค่อนข้างนาน ต้องใช้เวลาในการรักษาริ้วรอย ต้องทำเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ
- ทรีตเมนต์บางประเภทอาจก่อให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองในคนไข้บางคนได้
9. นวดหน้าลดริ้วรอย
การนวดหน้าเป็นวิธีการลดริ้วรอยบนใบหน้าแบบธรรมชาติ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้เลือดมาเลี้ยงผิวบริเวณใบหน้ามากขึ้น จึงทำให้ใบหน้าดูเปล่งปลั่ง ลดความหมองคล้ำ และริ้วรอยค่อยๆ ลดลงได้
ข้อดี
- สามารถทำง่ายๆได้ด้วยตัวเองที่บ้าน
- สามารถนวดหน้าร่วมกับการใช้ครีมบำรุงผิวไปด้วยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการฟื้นบำรุงผิว ให้ผิวแลดูสุขภาพดีมากยิ่งขึ้น
ข้อจำกัด
ช่วยลดริ้วรอยได้ดี แต่ต้องทำอย่างสม่ำเสมออย่างต่อเนื่องด้วยวิธีการที่ถูกต้อง
วิธีป้องกันปัญหาริ้วรอย
แม้ว่าริ้วรอยจะเป็นปัญหาผิวที่ทุกคนไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น แต่ก็สามารถป้องกันและชะลอการเกิดริ้วรอยได้ โดยมีวิธีการป้องกันดังนี้
- ทาครีมกันแดดเป็นประจำ โดยเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันแสงแดดทั้ง UVA และ UVB และหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน
- หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการทำร้ายผิว เช่น การพักผ่อนน้อย การสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ภาวะเครียด การล้างหน้าหรือขัดผิวด้วยความรุนแรง การแสดงอารมณ์ทางสีหน้ามากเกินไป
- กินอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่เป็นตัวการทำร้ายผิว เช่น ผักใบเขียวและผลไม้ หรืออาหารที่มีวิตามินซี วิตามินอี วิตามินเอ เป็นต้น
- ออกกำลังกายเป็นประจำ อย่างน้อย 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ นอกจากจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น จึงทำให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่ง
- ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย อย่างน้อยวันละ 8 แก้วต่อวัน เพื่อให้ร่างกายชุ่มชื้นไม่แห้งกร้าน
- ทาครีมบำรุงผิวที่มีสารสำคัญในการช่วยป้องกันและลดเลือนริ้วรอย เพิ่มความชุ่มชื้นและเพิ่มความแข็งแรงของผิวเป็นประจำ
ลดริ้วรอยที่ HERS CLINIC ดีอย่างไร
- มีบริการให้คำปรึกษาตั้งแต่ก่อน-หลังทำศัลยกรรม และมีพนักงานดูแลเป็นอย่างดี
- คลินิกมีความสะอาด และมีความปลอดภัยตามมาตรฐานโรงพยาบาล
- มีเทคนิคเฉพาะ ช่วยลดอาการบวมหลังจากการผ่าตัดได้เป็นอย่างดี
- คุณหมอมีความชำนาญสูง มือเบา ไม่รู้สึกเจ็บ อีกทั้งยังเห็นผลลัพธ์ไว และชัดเจน
- คลินิกสามารถเดินทางได้สะดวกสบาย ติดกับสถานีรถไฟฟ้า
- มีรีวิวมากมาย เพื่อประกอบการตัดสินใจ
สรุป
ริ้วรอยคือปัญหาผิวที่เกิดรอยยับเป็นเส้นริ้วบนผิวหนัง หากมีอาการมากริ้วรอยจะกลายเป็นร่องลึกที่เห็นชัดเจนมากขึ้น โดยริ้วรอยไม่ใช่อาการผิดปกติ เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนโดยจะเห็นได้ชัดเจนเมื่ออายุมากขึ้น
แม้ว่าริ้วรอยเป็นปัญหาที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้แต่เมื่อเกิดริ้วรอยแล้วก็สามารถลดริ้วรอยได้หลายวิธีทั้งใช้วิธีแบบธรรมชาติเช่น การนวดหน้า การทาครีมลดเลือนริ้วรอย หรือ การทำหัตถการโดยแพทย์ เช่น การทำ HIFU การฉีดฟิลเลอร์ การฉีกโบท๊อกซ์ โดยจะลดริ้วรอยด้วยวิธีการไหนนั้นขึ้นอยู่กับปัญหาและสภาพผิวหน้าของแต่ละคน
หากต้องการลดริ้วรอยอย่างได้ผลและปลอดภัย สามารถเข้ามาปรึกษาได้ที่ HERS Clinic คลินิกที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ทำหัตถการโดยแพทย์ผู้ชำนาญและมีประสบการณ์ในด้านการลดริ้วรอยจึงมั่นใจได้ถึงผลลัพธ์ของการรักษา
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับวิธีลดริ้วรอย (FAQs)
รวมคำถามที่พบได้บ่อยเกี่ยวกับวิธีลดริ้วรอย พร้อมทั้งคำตอบมาไขข้อสงสัยดังนี้
รักษาริ้วรอยวิธีไหนดีที่สุด?
การรักษาริ้วรอยแต่ละวิธีการมีจุดเด่นและข้อจำกัดแตกต่างกันไป ดังนั้นวิธีการรักษาที่ดีที่สุดคือวิธีที่เหมาะสมกับลักษณะปัญหาสภาพผิวหน้าของคนไข้แต่ละคนซึ่งแตกต่างกันไป บางครั้งอาจต้องใช้การรักษาด้วยวิธีการหลายวิธีควบคู่กันไป
โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินและออกแบบวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับคนไข้แต่ละคนเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ของการรักษาที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด
แต่งหน้าบ่อยๆ ทำให้เกิดริ้วรอยไหม?
การแต่งหน้าไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดริ้วรอย แต่การล้างเครื่องสำอาง โดยเฉพาะเครื่องสำอางประเภทกันน้ำที่ล้างออกได้ยากที่ต้องเช็ดถูซ้ำหลายรอบ มีการทำความสะอาดผิวที่รุนแรงเกินไป อาจทำให้ผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้น จนเกิดเป็นริ้วรอยขึ้นมาได้
นอกจากนั้นการแพ้เครื่องสำอางในบางคนก็เป็นสาเหตุให้ผิวเกิดการอักเสบระคายเคืองและเกิดปัญหาริ้วรอยได้
รักษาริ้วรอยด้วยหัตถการ ราคาเท่าไร?
ราคาสำหรับหัตถการรักษาริ้วรอยจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัญหาของคนไข้แต่ละคน ต้องให้แพทย์เป็นผู้ประเมินสภาพผิวและปัญหาของแต่ละคน เพื่อเลือกใช้วิธีการที่เหมาะสมที่สุด