• TH/EN
  • 099-1890189
  • MRT สุทธิสาร ทางออก 4
  • จันทร์-เสาร์: 10.00 - 20.00 น.
  • TH/EN
  • 099-1890189
  • MRT สุทธิสาร ทางออก 4
  • จันทร์-เสาร์: 10.00 - 20.00 น.
สาเหตุและความลึกของร่องลึกหรือริ้วรอยที่เกิดขึ้นบนใบหน้า

ปัญหา ร่องลึก บนใบหน้าแก้ไขอย่างไรได้บ้าง

วิธีแก้ไขปัญหา ร่องลึก ริ้วรอย บนใบหน้า การแก้ไขปัญหาร่องลึก บนใบหน้ามีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับสาเหตุและความลึกของร่องลึกหรือริ้วรอยที่เกิดขึ้นบนใบหน้า เราสามารถเลือกวิธีแก้ปัญหาผิวหน้าแบบตามวัตถุประสงค์ของตนเอง ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลในการเลือกทำหัตถการแก้ปัญหาร่องลึกหรือริ้วรอยที่เกิดขึ้น โดยวิธีการที่ได้รับความนิยมและมีประสิทธิภาพ ได้แก่ :

การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ดูแลผิวในชีวิตประจำวัน

  • ใช้ครีมหรือเซรั่มที่มีส่วนผสมของเรตินอล (Retinol) วิตามินซี (Vitamin C) หรือกรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) ซึ่งช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว และการทำความสะอาดผิวอย่างสม่ำเสมอ การใช้ครีมกันแดด และการบำรุงผิวช่วยป้องกันไม่ให้ร่องลึกแย่ลง

การฉีดฟิลเลอร์ , การเติมไขมันหน้า

  • การฉีดฟิลเลอร์หรือการเติมไขมันใบหน้าเข้าไปเติมเต็มร่องลึก ซึ่งสามารถช่วยลดรอยลึกและทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น และยังช่วยให้ผิวหน้าดูเต็ม

การทำทรีตเมนต์ผิวหน้า การทำเลเซอร์

  • การทำทรีทเมนต์ผิวหรือเลเซอร์จะช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ใต้ผิว ซึ่งสามารถช่วยลดเลือนร่องลึกและทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น

การทำโบท็อกซ์ (Botox)

  • การฉีดโบท็อกซ์ช่วยคลายกล้ามเนื้อใต้ผิวหนัง ทำให้ร่องลึกที่เกิดจากการแสดงอารมณ์ลดลง

การรักษาโดยแพทย์ผิวหนัง 

  • หากร่องลึกมีความรุนแรง แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผิวหนังหรือแพทย์ศัลยกรรมเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม

การเสริมซิลิโคนเพื่อเติมเต็มส่วนที่ยุบ

  • เป็นการแก้ไขปัญหาจากใต้ผิวหนัง ซึ่งเป็นการเสริมซิลิโคนเข้าไปช่วยให้ใบหน้าดูเต็มขึ้น

ทั้งนี้การเลือกวิธีการรักษาขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาของแต่ละบุคคล ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนการตัดสินใจรับการรักษาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด


สาเหตุของการเกิดร่องลึกหรือริ้วรอยบนใบหน้า

สาเหตุของการเกิดร่องลึกหรือริ้วรอยบนใบหน้านั้นมีหลายปัจจัย ทั้งนี้สามารถเกิดจากภายในและภายนอก ปัจจัยหลัก ๆ ได้แก่ :

การเสื่อมสภาพตามอายุ (Aging)

  • เมื่ออายุมากขึ้น การผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนังลดลง ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่นและเกิดร่องลึกหรือริ้วรอย

การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อใบหน้า

  • การแสดงอารมณ์ เช่น การยิ้ม ขมวดคิ้ว หรือการหรี่ตา เป็นประจำจะทำให้เกิดร่องลึกหรือริ้วรอยที่เห็นได้ชัดขึ้น เช่น รอยย่นรอบดวงตา (Crow’s Feet) หรือรอยย่นที่หน้าผาก

การสัมผัสกับแสงแดด (Photoaging)

  • รังสี UV จากแสงแดดสามารถทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนัง ส่งผลให้ผิวแห้ง หยาบกร้าน และเกิดริ้วรอยก่อนวัย

การสูบบุหรี่

  • สารเคมีในบุหรี่สามารถทำลายคอลลาเจนและลดการไหลเวียนของเลือดไปยังผิวหนัง ทำให้ผิวดูหมองคล้ำและเกิดริ้วรอย

การขาดความชุ่มชื้น (Dehydration)

  • เมื่อผิวขาดน้ำ จะทำให้ผิวแห้งและทำให้ริ้วรอยและร่องลึกเห็นชัดเจนยิ่งขึ้น

การนอนหลับไม่เพียงพอ

  • การนอนหลับไม่เพียงพอจะลดการฟื้นฟูผิวในตอนกลางคืน ซึ่งสามารถนำไปสู่การเกิดริ้วรอย

การทานอาหารที่ไม่เหมาะสม

  • การบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลสูงหรือไขมันทรานส์มากเกินไปอาจเร่งการเสื่อมสภาพของคอลลาเจนและทำให้เกิดริ้วรอย

การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม

  • การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีรุนแรงหรือไม่เหมาะสมกับสภาพผิวสามารถทำให้ผิวแห้งและเกิดริ้วรอย

พันธุกรรม (Genetics)

  • พันธุกรรมก็มีบทบาทในการกำหนดว่าเราจะมีริ้วรอยเมื่อใดและในปริมาณเท่าใด บางคนอาจเกิดริ้วรอยเร็วขึ้นเนื่องจากลักษณะทางพันธุกรรม


ทั้งนี้การดูแลรักษาผิวของใบหน้าอย่างเหมาะสม หรือการทำทรีทเมนต์บำรุงผิวหน้าต่างๆ ก็สามารถหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงของการเกิดร่องลึกและริ้วรอยบนใบหน้าได้ในอนาคตอีกด้วย



การฉีดหรือเติมอะไรบ้างที่ช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้า

การฉีดหรือเติมสารต่าง ๆ เพื่อช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้าเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน ซึ่งมีหลากหลายประเภท ขึ้นอยู่กับลักษณะของริ้วรอยและผลลัพธ์ที่แต่ละบุคคลต้องการ ได้แก่ :

1. การฉีดสารเติมเต็มฟิลเลอร์ (Injectable dermal filler) 

   – ฟิลเลอร์ที่นิยมใช้มากที่สุด ช่วยเติมเต็มร่องลึกและริ้วรอย เพิ่มความชุ่มชื้นและปรับรูปทรงของใบหน้า ผลลัพธ์สามารถเห็นได้ทันทีและอยู่ได้นาน 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและบริเวณที่ฉีด

   – เติมไขมันตนเอง (Fat Grafting) การใช้ไขมันจากส่วนอื่นของร่างกายมาฉีดเติมเต็มร่องลึกบนใบหน้า เป็นวิธีที่สามารถให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน แต่ต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญ

2. การฉีดโบท็อกซ์ (Botox)

   – สารโบทูลินัมท็อกซิน (Botulinum Toxin) ใช้ในการลดริ้วรอยที่เกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้อ เช่น รอยย่นหน้าผาก รอยขมวดคิ้ว และรอยตีนกา โดยทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวและริ้วรอยดูจางลง ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 3-6 เดือน

3. การฉีดพลาสม่าเกล็ดเลือดเข้มข้น (PRP – Platelet-Rich Plasma)

   – ใช้เลือดของตนเองเพื่อสกัดเอาพลาสม่าที่มีเกล็ดเลือดสูง แล้วฉีดกลับเข้าไปในผิวหน้า ช่วยกระตุ้นการฟื้นฟูและการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวหน้าดูสดใสและริ้วรอยลดลง ผลลัพธ์อาจต้องฉีดหลายครั้งและค่อย ๆ เห็นผลในระยะยาว

4. การฉีด Sculptra

   – สามารถฉีดใต้ผิวเพื่อเติมเต็มริ้วรอยและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เป็นวิธีที่มักใช้ในการรักษาริ้วรอยลึกและผลลัพธ์อยู่ได้นาน

ดังนั้นการเลือกวิธีการฉีดหรือเติมสารเพื่อลดริ้วรอยควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและตรงตามความต้องการ


การฉีดSculptra ลดริ้วรอย , ร่องลึก บนใบหน้า

การฉีดSculptra เป็นหนึ่งในวิธีการลดริ้วรอยบนใบหน้าที่ได้รับความนิยม เนื่องจากมีคุณสมบัติพิเศษที่แตกต่างจากฟิลเลอร์ชนิดอื่น ๆ โดย Sculptra ประกอบด้วยสารPoly-L-Lactic Acid (PLLA) ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ที่สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ข้อดี

  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติ Sculptra ไม่เพียงแค่เติมเต็มริ้วรอยชั่วคราว แต่ยังช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนตามธรรมชาติในผิว ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นและแข็งแรงขึ้นในระยะยาว

  • ผลลัพธ์ที่ยาวนาน ผลลัพธ์จากการฉีด Sculptra ค่อย ๆ เห็นผลภายในไม่กี่เดือนหลังจากการรักษา และสามารถคงอยู่ได้นานถึง 2-3 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลรักษาของแต่ละบุคคล

  • แก้ไขปัญหาริ้วรอยและร่องลึก Sculptra เหมาะสำหรับการแก้ไขปัญหาริ้วรอยและร่องลึกที่เกิดจากการสูญเสียปริมาตรของผิว เช่น ร่องแก้ม ริ้วรอยที่หน้าผาก และการหย่อนคล้อยของผิว

  • ฟื้นฟูและปรับโครงหน้าที่เสื่อมสภาพ นอกจากการลดริ้วรอยแล้ว Sculptra ยังช่วยฟื้นฟูและปรับโครงหน้าที่เสื่อมสภาพให้กลับมาดูเต่งตึงและอ่อนเยาว์ขึ้น

  • ความปลอดภัย PLLA ใน Sculptra เป็นสารที่ได้รับการยอมรับว่าปลอดภัย และสามารถย่อยสลายได้ในร่างกาย ซึ่งลดความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงหรือการแพ้


อย่างไรก็ตาม การฉีด Sculptra ต้องทำโดยแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ เนื่องจากต้องอาศัยความแม่นยำในการฉีดและการประเมินผิวหน้าเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรมีการปรึกษากับแพทย์เพื่อประเมินความเหมาะสมและวางแผนการรักษาอย่างละเอียดก่อนทำการฉีด

การเติมไขมันหน้า

การเติมไขมันหน้า (Fat Grafting หรือ Fat Transfer) เป็นกระบวนการที่ใช้ไขมันจากส่วนอื่นของร่างกาย เช่น หน้าท้อง ต้นขา หรือสะโพก นำมาฉีดเติมเต็มบริเวณใบหน้าเพื่อลดริ้วรอย ร่องลึกบนใบหน้า เพิ่มปริมาตรความเต็มของใบหน้าและปรับปรุงโครงสร้างของใบหน้า มีความเสี่ยงต่ำมากต่อการแพ้หรือการเกิดปฏิกิริยาไม่พึงประสงค์ ซึ่งถือว่าปลอดภัยมากกว่าการใช้สารเติมเต็มสังเคราะห์

ข้อดี

  • ฟื้นฟูคุณภาพผิว ไขมันที่ฉีดเข้าไปยังมีสเต็มเซลล์ซึ่งช่วยฟื้นฟูคุณภาพผิว ทำให้ผิวดูสุขภาพดีขึ้นและลดริ้วรอยเล็ก ๆ ได้

  • ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ไขมันมีเนื้อสัมผัสที่ใกล้เคียงกับเนื้อเยื่อธรรมชาติของใบหน้า ทำให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ และให้ความรู้สึกเหมือนผิวจริง

  • ปรับปรุงและเติมเต็มหลายจุดบนใบหน้า การเติมไขมันสามารถใช้เติมเต็มร่องลึก รอยย่น และเพิ่มปริมาตรในบริเวณต่าง ๆ เช่น ร่องแก้ม ขมับ ใต้ตา และคาง

ข้อเสีย

  • กระบวนการที่ซับซ้อน การเติมไขมันหน้าเป็นขั้นตอนที่ต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากต้องมีการดูดไขมัน การเตรียมไขมัน และการฉีดไขมัน ซึ่งหากทำไม่ถูกต้องอาจส่งผลต่อความสม่ำเสมอและความปลอดภัย
  • ต้องมีเวลาในการฟื้นตัว หลังการเติมไขมัน ผู้ป่วยอาจมีอาการบวม ช้ำ หรือตึงในบริเวณที่ฉีดไขมันและบริเวณที่ดูดไขมัน ซึ่งต้องใช้เวลาสักระยะในการฟื้นตัว

สรุป

การเติมไขมันหน้ามีข้อดีหลายอย่าง โดยเฉพาะในด้านความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม ควรพิจารณาข้อเสียต่าง ๆ เช่น ความซับซ้อนของกระบวนการและความไม่แน่นอนของผลลัพธ์ก่อนตัดสินใจทำ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเพื่อประเมินความเหมาะสมและวางแผนการรักษาอย่างละเอียด


การเสริมซิลิโคนลดร่องแก้ม , ขมับ , ใต้ตา

การเสริมซิลิโคนเป็นวิธีหนึ่งในการแก้ไขและลดร่องลึกในบริเวณต่าง ๆ บนใบหน้า เช่น ร่องแก้ม ขมับ และใต้ตา การเสริมซิลิโคนเป็นการผ่าตัดทางศัลยกรรมที่ใช้ซิลิโคนเสริมเข้าไปในบริเวณที่ต้องการเพื่อเติมเต็มและปรับรูปหน้า มีทั้งข้อดีและข้อเสียของการเสริมซิลิโคนของตำแหน่งนั้นๆด้วย อาทิเช่น เสริมซิลิโคนร่องแก้ม

การเสริมซิลิโคนเพื่อลดร่องแก้ม

ข้อดี

  • ลดร่องลึกได้อย่างชัดเจน ซิลิโคนช่วยเติมเต็มร่องแก้มที่ลึก ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น
  • ผลลัพธ์ที่ยาวนาน การเสริมซิลิโคนสามารถให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานหรือถาวร: ไม่จำเป็นต้องฉีดซ้ำบ่อยครั้งเหมือนฟิลเลอร์
  • ปรับโครงสร้างใบหน้า การเสริมซิลิโคนที่ร่องแก้มยังสามารถช่วยปรับโครงหน้าที่ดูตอบหรือขาดปริมาตรได้

ข้อเสีย

  • ต้องการการผ่าตัด การเสริมซิลิโคนเป็นการผ่าตัดที่ต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว และความเสี่ยงจากการผ่าตัด เช่น การติดเชื้อหรือการเกิดแผลเป็น
  • การปรับแต่งในอนาคต หากผลลัพธ์ไม่เป็นที่พอใจ อาจต้องมีการผ่าตัดแก้ไขซึ่งอาจยุ่งยาก
  • ผลลัพธ์ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่าย เมื่อเสริมซิลิโคนแล้ว หากต้องการเปลี่ยนหรือปรับขนาด ต้องผ่าตัดใหม่

สรุป

การเสริมซิลิโคนเพื่อลดร่องแก้ม ขมับ และใต้ตา เป็นวิธีที่สามารถให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานและชัดเจน แต่ก็มีความเสี่ยงและข้อเสียที่ต้องพิจารณา ควรปรึกษาแพทย์หรือศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความเหมาะสมของวิธีนี้ และเลือกวิธีการที่ตรงกับความต้องการและความปลอดภัยมากที่สุด

Post a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *